ฐานที่มั่นส่วนหน้าของกองพันทหารราบที่ 135 ค่ายพาซอง แตกพ่ายให้กับ กองกำลังผสมของสภาบริหารชั่วคราวแห่งรัฐกะเรนนี (IEC) รัฐบาลเฉพาะกาลแห่งรัฐกะเรนนี

 

วันที่ 13 พฤษภาคม 2024 ตั้งแต่เวลา 10.30 น. จนกระทั่งเวลา 13.50 น. กองกำลังที่ปฏิบัติการทางทหารภายใต้สภาบริหารชั่วคราวแห่งรัฐกะเรนนี (Interim Executive Council of Karenni State: IEC) รัฐบาลเฉพาะกาลแห่งรัฐกะเรนนี ประกอบด้วย กองทัพกะเรนนี (Karenni Army: KA) กองกำลังป้องกันแห่งชาติกะเรนนี (Karenni Nationalities Defense Force: KNDF) แนวร่วมปลดปล่อยประชาชนแห่งชาติกะเรนนี (Karenni National People's Liberation Front: KNPLF) และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (People Defenfe Force: PDF) ได้โจมตีฐานอะโซปา ฐานที่มั่นส่วนหน้าของกองพันทหารราบที่ 135 ค่ายพาซอง ในเขตเมืองพาซอง แขวงบอละแค ทหารเมียนมาในฐานที่มั่นดังกล่าวได้หนีถอยออกไป และทางกองกำลังผสมได้เข้าตรวจสอบพื้นที่พร้อมยึดยุทโธปกรณ์

กองกำลังป้องกันแห่งชาติกะเรนนี (Karenni Nationalities Defense Force: KNDF) ได้นำเสนอคลิปการปฏิบัติการโจมตีทหารเมียนมาที่ค่ายพาซอง โดยในคลิปดังกล่าวจะเห็นทหารเมียนมาได้รับการสูญเสียอย่างหนักตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ทางกองกำลังป้องกันแห่งชาติกะเรนนี (Karenni Nationalities Defense Force: KNDF) ยังได้ประกาศผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อขอรับการสนับสนุนเงินจากประชาชนชาวกะเรนนีทั้งที่อาศัยอยู่ในรัฐกะเรนนีและนอกรัฐกะเรนนี เพื่อซื้อโดรนและอุปกรณ์ทางอิเลคทรอนิกที่ใช้กับโดรนเพื่อต่อสู้กับทหารเมียนมา ที่เหลือไม่มากในรัฐกะเรนนี

อย่างไรก็ตามทางกองกำลังป้องกันแห่งชาติกะเรนนี (Karenni Nationalities Defense Force: KNDF) และกองกำลังฝ่ายต่อต้าน รวมทั้งกองทัพกะเรนนี (Karenni Army: KA) แนวร่วมปลดปล่อยประชาชนแห่งชาติกะเรนนี (Karenni National People's Liberation Front: KNPLF) และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (People Defenfe Force: PDF) ได้พยายามที่จะยึดค่ายทหารเมียนมาในเมืองพาซอง โดยผ่านมาแล้ว 3 เดือนยังไม่สามารถยึดได้อย่างเบ็ดเสร็จ เนื่องจากทหารเมียนมายังคงมีการสนับสนุนอาวุธและกระสุนรวมไปถึงเสบียงอาหารทางอากาศอย่างต่อเนื่อง แต่ทหารเมียนมาเองก็ประสบกับความสูญเสียอย่างหนักเช่นกัน มีทั้งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งนี้ได้มีการประมาณว่า มีทหารเมียนมาบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 100 นาย และยังคงอาศัยอยู่ในค่ายแห่งนี้ เนื่องจากไม่สามารถออกมานอกค่ายได้เพราะถูกกองกำลังฝ่ายต่อต้านปิดล้อมอย่างเหนียวแน่น ยกเว้นการใช้เฮลิคอปเตอร์บินมารับคนเจ็บ แต่เฮลิคอปเตอร์กลับถูกยิงตกไป 1 ลำ ทำให้การส่งเสบียงบำรุงกำลังทางอากาศได้หยุดชะงักลง

ส่วนการสู้รบที่เมืองหล่อยก่อ เมืองเอกของรัฐ ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการหลักของกองทัพเมียนมา ปัจจุบันได้ผ่านมาแล้ว 7 เดือน ซึ่งทางฝ่ายหน่วยรบกองกำลังผสมในรัฐกะเรนนีสามารถยึดพื้นที่ได้กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ โดยในเขตเมืองหล่อยก่อมีทหารราบของกองทัพเมียนมาประจำการอยู่ 4 กองพัน และกองพันปืนใหญ่อีก 2 กองพัน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2024  เป็นต้นมา ทหารเมียนมาได้เปลี่ยนกลยุทธ์มาเป็นจัดตั้งกองกำลังย่อยกระจายแทรกซึมเข้ามาในพื้นที่รอบตัวเมืองและในเมืองใกล้กับเรือนจำเมืองหล่อยก่อที่ฝ่ายกองกำลังผสมปิดล้อมไว้ ทำให้มีการปะทะบ่อยครั้ง ขณะที่เครื่องบินขับไล่ของทหารเมียนมาก็มีการบินมาทิ้งระเบิดใส่ตัวเมืองหล่อยก่ออย่างต่อเนื่องทุกวัน จนทำให้บ้านเรือนของประชาชนพังพินาศย่อยยับอย่างหนัก