รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) รัฐบาลคู่ขนานของเมียนมา ระดมทุนสำหรับใช้เคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อขับไล่เผด็จการทหาร ยอดแตะ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว

 


รายงานของบลูมเบิร์ก เทเลวิชัน (Bloomberg Television) ช่องรายการโทรทัศน์ที่ออกอากาศในหลายประเทศทั่วโลก อ้างอิงข้อมูลจาก อู ติ่น ตุน ไหน่ (U Tin Tun Naing) รัฐมนตรีสหภาพ กระทรวงวางแผน การเงิน (Ministry of Planning, Finance and Investment) ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government: NUG) รัฐบาลคู่ขนานของเมียนมา เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2023 ที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ระดมทุนได้มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว จากแหล่งรายได้แรกคิดเป็นประมาณ 45 เปอร์เซ็นต์มาจากผู้ลงทุนในพันธบัตรระดมเงินสำหรับใช้เคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อขับไล่รัฐบาลของสภาบริหารแห่งรัฐ (State Administration Council: SAC) ที่จัดตั้งขึ้นโดยกองทัพเมียนมาให้ลงจากอำนาจ ซึ่งเงื่อนไขการลงทุนในพันธบัตรกำหนดว่าจะไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยให้ และจะจ่ายผลตอบแทนต่อเมื่อการต่อสู้ประชาธิปไตยประสบความสำเร็จแล้วเท่านั้น แหล่งรายได้ที่สองคือ การระดมทุนผ่านการนำทรัพย์สินของกองทัพเมียนมามาตั้งประมูล แม้ผู้ชนะประมูลจะยังไม่สามารถเข้าถึงทรัพย์สินเหล่านี้ได้ภายในทันที แต่รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) สัญญาว่าจะมอบทรัพย์สินดังกล่าวให้เป็นรางวัล หลังรัฐบาลทหารลงจากอำนาจ ตัวอย่างเช่น  คฤหาสน์ 2 หลังของ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย (Senior General Min Aung Hlaing) ผู้นำทหารและผู้นำรัฐประหาร และทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ยึดมาจากกองทัพเมียนมา แหล่งรายได้ที่สามคิดเป็นประมาณ 1.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากการเก็บภาษีใน 38 จาก 330 เขตเมืองที่กลุ่มต่อต้านควบคุมอยู่ทั่วประเทศ และในเร็ว ๆ นี้ รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) จะออกกฎหมายเปิดทางให้นักลงทุนซื้อเหรียญคริปโต หรือ คริปโตเคอเรนซี ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่ง เพื่อระดมทุน หรือที่เรียกกันว่า Initial Coin Offering ขณะเดียวกันก็จะมีการเปิดรับเงินฝากแบบประจำ และรับเงินฝากคริปโตผ่านธนาคารที่จะทำการเปิดใหม่ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ นอกจากนี้แล้ว รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) จะเปิดให้นักลงทุนท้องถิ่นและต่างชาติเข้ามาสัมปทานการทำเหมืองแร่อัญมณีในเขตเมืองโมก๊กของภูมิภาคมันต๊ะเล ซึ่งได้ชื่อเป็นเมืองที่ผลิตพลอยทับทิมคุณภาพสูงมาอย่างยาวนาน ภายในปีงบประมาณใหม่ด้วย อย่างไรก็ตาม กฎหมายเพื่อการสร้างพม่าให้เป็นปึกแผ่นด้วยความรับผิดชอบอย่างเข้มงวดของทหาร (The Burma Unified through Rigorous Military Accountability Act หรือ BURMA Act) ที่นายโจ ไบเดน (Mr. Joe Biden) ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาได้ทำการลงนามในกฎหมายงบประมาณกลาโหมประจำปี 2023 รวมถึงลงนามในกฎหมายเกี่ยวกับพม่าซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายงบประมาณดังกล่าวแล้ว ส่งผลให้รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ซึ่งรายละเอียดของกฎหมายระบุว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะมอบงบประมาณให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคและความช่วยเหลือแบบที่ไม่นำไปสู่การฆ่าชีวิตอีกช่องทางหนึ่ง [กฎหมายเพื่อการสร้างพม่าให้เป็นปึกแผ่นด้วยความรับผิดชอบอย่างเข้มงวดของทหาร (The Burma Unified through Rigorous Military Accountability Act หรือ BURMA Act) ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายงบประมาณกลาโหมประจำปี 2023 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะมอบงบประมาณให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคและความช่วยเหลือแบบที่ไม่นำไปสู่การฆ่าชีวิต (non-lethal) แก่องค์กรต่อต้านเผด็จการทหารเป็นจำนวน 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะมอบงบประมาณให้กิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยในพม่าเป็นจำนวน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2023-2027] ทั้งนี้ เงินจากการระดมทุนจะถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพในหลายภาคส่วน เพื่อสร้างผลลัพธ์เชิงบวกในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยภายใน 1 ปี 


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น