อู อ่อง อ่อง ส่อ ประธานของกลุ่มบริษัท 24 อาวร์ส กรู๊ป พร้อมคณะกรรมการบริหาร เยือนพื้นที่ปกครองตนเองโกก้าง หารือ ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ที่ 1006 เกี่ยวกับโครงการจัดตั้งสนามบินหรือเครื่องอำนวยความสะดวกในการเดินอากาศ
อู อ่อง อ่อง ส่อ (U Aung Aung Zaw) ประธานของกลุ่มบริษัท
24 อาวร์ส กรู๊ป จำกัด (24 Hour Group Company Limited) ได้เดินทางไปยัง
เมืองหล่าวกาย เมืองเอกเขตพื้นที่ปกครองตนเองโกก้าง (Kokang
Self-Administered Zone) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐฉาน ระหว่างวันที่
10-11 มกราคม 2023 ที่ผ่านมา ระหว่างการเยือน
อู อ่อง อ่อง ส่อ และทีมงาน ได้หารือเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาการบินในภูมิภาค การพัฒนาแหล่งน้ำ การท่องเที่ยว รวมถึงภาคบันเทิงและภาคส่วนอื่น ๆ กับ กองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Force: BGF) ที่ 1006 อดีตกองกำลังของกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (Myanmar
National Democratic Alliance Army: MNDAA) หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ กองกำลังโกก้าง กลุ่มหยาง ซาวข่าย (Yang Shaokai) มีเขตการควบคุมพื้นที่ในเขตเมืองหล่าวกาย เขตเมืองกุงจ้าง พื้นที่ปกครองตนเองโกก้าง รัฐฉานตอนเหนือ นำโดย ป๋าย โส่วเฉิน (Bai Suoqian) หัวหน้าฯ รวมถึง หลิว เจี่ยงเสี่ยว (Liu Jiangxiao) นักธุรกิจชาวจีนโกก้าง
เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกองกำลังพิทักษ์ชายแดนที่ 1006 ได้รับตำแหน่งกิตติมศักดิ์จาก
พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย (Senior General Min Aung Hlaing) ในเดือนธันวาคม 2021
ได้รับการสนับสนุนมีอิสระในการทำธุรกิจในพื้นที่ปกครองตนเองและยังมีส่วนร่วมในธุรกิจที่ควบคุมโดยกองทัพเมียนมา
(Tatmadaw) และคณะกรรมการบริหารพื้นที่ปกครองตนเองโกก้าง เบื้องต้นมีรายงานว่า หลังจากการวิจัยเชิงวิเคราะห์ทางภูมิศาสตร์โดยพื้นฐานแล้ว ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้เฮลิคอปเตอร์สำหรับเที่ยวบินโดยสารก่อน แล้วค่อยดำเนินการโครงการจัดตั้งสนามบินหรือเครื่องอำนวยความสะดวกในการเดินอากาศในภายหลัง โดยบริษัท 24
อาวร์ส กรู๊ป จำกัด เป็นฝ่ายจัดหาเทคนิคการขับขี่และการบำรุงรักษาในการดำเนินการขนส่งผู้โดยสารและทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันวางแผนที่จะสร้างสนามบินและดำเนินกิจกรรมเบื้องต้น
เช่น การสำรวจและขอใบอนุญาตสำหรับสนามบินแห่งใหม่
อู อ่อง อ่อง ส่อ (U Aung Aung Zaw) ผู้ก่อตั้งบริษัท 24
อาวร์ส กรู๊ป จำกัด (24 Hour Group Company Limited) ในปี 2003 จนถึงปี 2013 เป็นบริษัทขนาดกลางประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์
เหมืองแร่ บริการ รวมถึงสวนปาล์มน้ำมันขนาด 5,000 เฮกตาร์ในภูมิภาคตะนาวศรี
(Tanintharyi Region) ในช่วง 10 ที่ผ่านมา
บริษัทได้เติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นกลุ่มบริษัทที่เป็นเจ้าของสายการบิน 2
แห่ง [เมียนมา อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์ไลน์ (Myanmar
International Airlines: MAI) และ แอร์ กัมโพชะ (Air Kanbawza) ทั้งสองสายการบินให้บริการ เส้นทางการบินภายในประเทศและเส้นทางระหว่างประเทศ 16 แห่ง ปัจจุบันทั้งสองสายการบินมีเครื่องบินโดยสารรวมกัน
20 ลำ ได้แก่ แอร์บัส เอ320-231 (Airbus A320-231) จำนวน 8 ลำ เอทีอาร์ 72 (ART 72) จำนวน 8 ลำ และ เอ็มบราเออร์ 190 (Embraer
190) จำนวน 4 ลำ]
การนำเข้าและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและเชื้อเพลิงการบิน โรงแรม การผลิตไฟฟ้า
อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง เหมืองแร่ การเกษตร และการผลิตปูนซีเมนต์ โดยมีสมาชิกในครอบครัวของ
พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย (Senior General Min Aung Hlaing) และ อู ส่อ วิน เฉ่ง (U Zaw Win Shein) คนสนิท เจ้าของบริษัท
เอเยอร์ ฮินทาร์ โฮลดิ้ง จำกัด (Ayeyar Hinthar Holdings Company Limited) อยู่ในคณะกรรมการบริหารทั่วไปของบริษัท สิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับ อู
อ่อง อ่อง ส่อ คือเมื่อปลายปี 2018 เขาได้ซื้อกิจการจากกลุ่มบริษัทกัมโพชะ (Kanbawza
Group) ของ อู อ่อง โก วิน (U Aung Ko Win) ซึ่งเป็นพันธมิตรอย่างยาวนานกับกองทัพเมียนมา
(Tatmadaw) นอกจากนี้ บริษัท 24 อาวร์ส
กรู๊ป จำกัด เข้าร่วมทุนในการพัฒนาขยายและปรับปรุงสนามบินนานาชาติแห่งใหม่แฮโฮ
(Heho) เมืองต่องกฺยี
พิพิธภัณฑ์การท่องเที่ยวและสวนพฤกษศาสตร์ในเมืองกะลอ และอุทยานท่องเที่ยวอินเล
ในรัฐฉานตอนใต้ รวมทั้ง โรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 660 เมกะวัตต์
มูลค่า 1200 ล้านเหรียญสหรัฐ ในภูมิภาคตะนาวศรี (Tanintharyi
Region) และกำลังพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยริมทะเลในหาดงาปาลี (Ngapali
Beach) เมืองต่านตฺเว รัฐยะไข่
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 17 พวกขุนศึกตระกูลหยางพร้อมกับบรรดาขุนนางและทหารผู้ภักดีกับราชวงศ์หมิง อพยพหนีภัยจากเมืองนานกิงไปยังมณฑลยฺหวินหนาน ต่อมาในช่วงราวปี 1840 ได้อพยพเข้าไปอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของรัฐฉาน และมีการปกครองตนเองโดยผู้แทนของจักรพรรดิจีนมอบตราตั้งขึ้นเป็นเจ้าเมืองเก้า (9) ก้าง (ก้างคือผู้ใหญ่บ้านในภาษาไทใหญ่) ย้อนไปเมื่อสมัยที่รัฐฉานยังอยู่ใต้อาณานิคมของอังกฤษ หลังจีนและอังกฤษได้แบ่งเขตแดนกัน พื้นที่ปกครองตนเองชาวจีนเก้าก้าง (เป็นชาวฮั่น พูดภาษาจีนกลาง) ได้ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของรัฐฉาน และก่อตั้งเป็นรัฐศักดินาที่เรียกว่า ‘เก้าก้างหรือโกก้าง’ ให้ขึ้นต่อเจ้าฟ้าเมืองแสนหวี แต่อยู่ไม่นาน ‘โกก้าง’ เริ่มแสดงท่าทีไม่พอใจ เนื่องจากต้องจ่ายส่วยสาอากรมากกว่าเมืองอื่น ๆ สุดท้าย ‘โกก้าง’ ได้แยกตัวจากเมืองแสนหวี และแต่งตั้งผู้ครองเมืองเอง โดย หยาง เจินไส (Yang Zhensai) [ทำให้รัฐฉานซึ่งขณะนั้นมีเจ้าฟ้าอยู่เดิม 33 เมือง เพิ่มเป็น 34 เมือง] สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ‘โกก้าง’ ได้จัดตั้งกองกำลังของตนเอง ภายใต้การสนับสนุนจากกองทัพปฏิวัติแห่งชาติ (National Revolutionary Army: NRA) หรือในบางครั้งอาจเรียกอย่างย่อ ๆ ว่า ‘กองทัพปฏิวัติ’ ซึ่งเป็นกองทัพของพรรคชาตินิยมจีน หรือ ก๊กมินตั๋ง (Kuomintang: KMT) ที่พ่ายแพ้พรรคคอมมิวนิสต์จีน (Chinese Communist Party: CCP) ถอยเข้ามาในรัฐฉาน มี หยาง เจินซิว (Yang Zhenxiu) หรือ นางโอลีฟ ยัง (Mrs. Oliver Young) เป็นผู้นำ และมีผู้บริหารระดับสูงคนสำคัญ ได้แก่ เผิง จาเซิง (Pheung Kya-shin) และ หลอ ชิงห่าน (Lo Hsinghan) ที่รู้จักในชื่อ นายโล ซิง ฮาน ฉายาที่ทางการสหรัฐอเมริการะบุ 'เจ้าพ่อเฮโรอีน' เป็นหนึ่งในผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญของโลกตั้งแต่ในยุคต้นทศวรรษ 1970 ในปี 1962 หลังนายพลเน วิน (General Ne Win) ยึดอำนาจขึ้นเป็นรัฐบาลเผด็จทหารปกครองพม่า ต่อมาได้ทำการจับกุมเจ้าฟ้าในรัฐฉาน รวมถึงนางโอลีฟ ยัง ผู้นำกองกำลังโกก้างด้วย ทำให้ชาวโกก้างและกองกำลังโกก้างตื่นตัวเริ่มต่อต้านรัฐบาลเผด็จทหารพม่านับแต่นั้น ในปี 1964 โกก้างได้จัดตั้งกองกำลังใหม่เป็น กองกำลังปฏิวัติโกก้าง (Kokang Revolution Force: KRF) มี หยาง เจินเซอ (Yang Zhense) หรือ เจ้าแหลด เป็นผู้นำ และในปีเดียวกันได้เข้าร่วมกับกองทัพรัฐฉาน (Shan State Army: SSA) ของมหาเทวีเจ้านางเฮือนคำ [เจ้านางเฮือนคำ เป็นธิดาของขุนส่างต้นฮุงกับมหาเทวีเจ้านางยี่แห่งเจ้าฟ้าเมืองแสนหวี เป็นชายาองค์ที่ 3 ของเจ้าฟ้ากัมโพชรัฐสิริปวรมหาวงศาสุธรรมราชา (เจ้าฟ้าส่วยแต้ก) เจ้าฟ้าเมืองหยองห้วยองค์ที่ 23 และองค์สุดท้ายของเมืองหยองห้วย ได้รับการสถาปนาเป็นมหาเทวี ในปี 1938 เมื่อพม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษ เจ้าส่วยแต๊กได้รับตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีของสหภาพพม่า เจ้านางเฮือนคำถึงแก่พิราลัยเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2003 ขณะลี้ภัยอยู่ในแคนาดาในวัย 86 ปี] ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ มีกำลังพลในสังกัด 4 กองพลน้อย รวมกองกำลังโกก้างเป็น 5 กองพลน้อย แต่ต่อมาไม่นานกองพลน้อยของโกก้าง เกิดความแตกแยกกันระหว่าง หลอ ชิงห่าน กับ หยาง เจินเซอ (เจ้าแหลด) โดยฝ่าย หลอ ชิงห่าน ได้ไปร่วมกับรัฐบาลทหารพม่าจัดตั้งเป็น หน่วยก่าก่วยเย หรือ หน่วยอาสาสมัครช่วยรัฐบาลพม่าปราบปรามคอมมิวนิสต์ในพื้นที่ชนบท ทำให้ได้รับอนุญาตหารายได้จากการค้าฝิ่นและเฮโรอีน [หลอ ชิงห่าน ถูกตำรวจไทยจับกุมเมื่อปี 1973 ส่งตัวให้รัฐบาลพม่า ถูกตัดสินข้อหาทรยศลงโทษประหารชีวิต แต่ต่อมาได้รับการลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต และได้รับอภัยโทษปล่อยตัวเมื่อปี 1980 เสียชีวิตลงด้วยวัย 70 ปี ที่บ้านพักในนครย่างกุ้ง เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2013] ส่วนกลุ่มของ หยาง เจินเซอ (เจ้าแหลด) ไปร่วมกับพรรคประชาธิปไตยรัฐสภา (Parliamentary Democracy Party: PDP) ภายใต้การนำของ อู นุ (U Nu) อดีตนายกรัฐมนตรีพม่า ในปี 1967 เกิดการขัดแย้งครั้งใหญ่ระหว่างรัฐบาลทหารพม่าและจีน จากเหตุการปะทะกันของนักเรียนชาวจีนและนักเรียนชาวพม่า ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อยคน ซึ่งเชื่อว่าทางการพม่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดยการปะทะกันมีต้นเหตุมาจากช่วงนั้นนักเรียนในประเทศจีนนิยมติดรูปประธาน เหมา เจ๋อตุง (Mao Zedong) ที่หน้าอกระหว่างไปเรียน ซึ่งสมัยนิยมนี้ได้ลามสู่นักเรียนจีนในพม่าด้วย รัฐบาลทหารพม่าไม่พึงพอใจและได้ออกคำสั่งห้าม ทำให้นำไปสู่การปะทะของนักเรียนทั้งสองฝ่ายลามถึงประชาชนและพระสงฆ์ ด้วยเหตุนี้ ทางการจีนที่ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมไม่พอใจ จึงหันไปส่งเสริมพรรคคอมมิวนิสต์พม่า (Communist Party of Burma: CPB) ต่อต้านรัฐบาลเผด็จทหารพม่าของนายพลเน วิน พร้อมกับให้การสนับสนุน เผิง จาเซิง ที่ขณะนั้นพำนักอยู่ในจีนจัดตั้งกองกำลังโกก้างขึ้น ภายใต้ชื่อ กองทัพปลดปล่อยประชาชนโกก้าง (Kokang People Liberation Army: KPLA) เข้าร่วมด้วย และในปี 1968 พรรคคอมมิวนิสต์พม่า (CPB) ซึ่งมีทหารจีนร่วมด้วยเข้ายึดเมืองโก ทางตอนเหนือรัฐฉาน (ฝั่งตะวันตกแม่น้ำสาละวิน) วันที่ 5 มกราคม 1968 กองทัพปลดปล่อยประชาชนโกก้าง (KPLA) ทำสัญญาเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์พม่า (CPB) และร่วมต่อสู้รัฐบาลเผด็จทหารพม่าเรื่อยมา ขณะนั้นในพรรคคอมมิวนิสต์พม่า (CPB) มีกองกำลังประชาธิปไตยใหม่คะฉิ่น (New Democratic Army Kachin: NDA-K) กองทัพสหรัฐว้า (United Wa State Army: UWSA) กองทัพสัมพันธมิตรชาติประชาธิปไตย (National Democratic Alliance Army: NDAA) หรือกองกำลังเมืองลา และพรรคก้าวหน้ารัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน (Shan State Progressive Party/Shan State Army: SSPP/SSA) ปัจจุบันรวมอยู่ด้วย และหลังจากพรรคคอมมิวนิสต์พม่า (CPB) ล่มสลาย ทั้งหมดได้ทยอยแยกตัวออกตั้งเป็นกองกำลังของตัวเองในปี 1989 โดยกองทัพปลดปล่อยประชาชนโกก้าง (KPLA) แยกออกเป็นกลุ่มแรกคือ วันที่ 11 มีนาคม 1989 และได้ทำสัญญาสันติภาพ (เญ็งชานเย) กับรัฐบาลทหารพม่า พร้อมตั้งเป็นเขตปกครองพิเศษที่ 1 แห่งรัฐฉาน สหภาพพม่า มีเมืองหล่าวกาย เป็นเมืองเอก และตั้งชื่อกลุ่มเป็น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (Myanmar National Democratic Alliance Army: MNDAA) เมื่อปี 1992 เกิดความแตกแยกกันอีกครั้งของ ‘กองกำลังโกก้าง’ เมื่อ หยาง โมเหลี่ยง (Yang Moliang) ปฏิวัติยึดอำนาจ เผิง จาเซิง จนทำให้ เผิง จาเซิง ต้องหลบหนีไปอาศัยอยู่กับ จาย ลืน (Sai Leun) [มีชื่อในภาษาจีนว่า หลิน หมิ่งเสียน (Lin Mingxian) หรือชื่อภาษาพม่าว่า ไซ ลิน (Sai Lin) เป็นลูกครึ่งจีน-ไทใหญ่ มีคู่สมรส คือ เผิง ซินชุน (Pheung Xinchun) ซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของ เผิง จา-เซิง)] ซึ่งเป็นผู้นำกองทัพสัมพันธมิตรชาติประชาธิปไตย (NDAA) หรือกองกำลังเมืองลา เขตปกครองพิเศษที่ 4 เมืองลา กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 2 ปี เผิง จาเซิง ได้วางแผนร่วมกับกองทัพสหรัฐว้า (UWSA) พร้อมกับ หม่ง สาละ (Mong Sala) ผู้บัญชาการกองกำลังโกก้างประจำเมืองโก ร่วมกันบุกยึดอำนาจคืนจาก หยาง โมเหลี่ยง ได้สำเร็จ ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1995 ฝ่าย หม่ง สาละ ผู้บัญชาการประจำเมืองโก ได้ประกาศแยกตัวออกจาก เผิง จาเซิง ไปตั้งกลุ่มเองเคลื่อนไหวในพื้นที่เมืองโก โดยใช้ชื่อว่า กองทัพพิทักษ์เมืองโก (Mongkoe Defense Army: MDA) ขณะที่ฝ่าย เผิง จาเซิง ได้ตั้งมั่นพัฒนาเขตปกครองตนเองจนรุ่งเรือง ในเวลาเดียวกันกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง กองทัพสหรัฐว้า (UWSA) กองทัพสัมพันธมิตรชาติประชาธิปไตย (NDAA) หรือกองกำลังเมืองลา และกองกำลังประชาธิปไตยใหม่คะฉิ่น (NDA-K) ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์พม่า (CPB) ร่วมกันจัดตั้งเป็นกลุ่มสัมพันธมิตรภายใต้ชื่อ แนวร่วมสันติภาพและประชาธิปไตย (Peace and Democracy Froce: PDF) เขตปกครองพิเศษที่ 1 อยู่อย่างสงบภายใต้การนำของ เผิง จาซิง เป็นเวลากว่า 20 ปี นับตั้งแต่ทำสัญญาสันติภาพ (เญ็งชานเย) กับรัฐบาลทหารพม่า กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง ถือได้ว่าสร้างรากฐานพัฒนาเขตปกครองตนเองจนเจริญรุ่งเรือง ภายในเมืองเอกซึ่งในอดีตเป็นสนามรบกลางหุบเขา ก็ถูกพัฒนามีโรงเรียน โรงพยาบาล ตลาด กระทั่งซุปเปอร์มาร์เก็ต ถนนหนทางลาดยาง และมีไฟฟ้าใช้ตลอด 24 ชั่วโมง และเมื่อปี 2002 กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง ได้ประกาศพื้นที่ปกครองเป็นเขตปลอดยาเสพติดอย่างสิ้นเชิง โดยปราบปรามและลงโทษผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงในปี 2009 กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง ถูกกดดันให้แปรสภาพเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Force: BGF) ภายใต้การควมคุมของกองทัพพม่า แต่กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง ปฏิเสธข้อเสนอของรัฐบาลจึงเกิดการเผชิญหน้ากับกองทัพพม่า จากนั้นกองทัพพม่าก็มีท่าทีเป็นศัตรูกับกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง มากขึ้นเรื่อย ๆ กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง มีตระกูลใหญ่ ๆ ที่สืบทอดอำนาจอยู่ 3 ตระกูล คือ ตระกูลหยาง (หยาง โมเหลียง) ตระกูลเผิง (เผิง จาเซิง) และตระกูลหลอ (หลอ ชิงห่าน) แต่ตระกูลหยาง และตระกูลหลอ มีอำนาจไม่ยาวนานเท่าตระกูลเผิง ที่กุมอำนาจมาตั้งแต่ปี 1967 หากครั้งนี้ เผิง จาเซิง ไม่สามารถพลิกตัวฟื้นกลับมาได้ก็เท่ากับความเป็นใหญ่ของตระกูลเผิงก็คงจะหมดสิ้นลง และอำนาจตระกูลใหม่เห็นจะหนีไม่พ้นตระกูลป๋าย [ป๋าย โส่วเฉิน (Bai Suoqian)] และตระกูลเหลียว [เหลียว ก่อชี (Liao Kezhi)] ขณะนั้น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง ก็มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อผู้บริหารระดับสูงเกิดความไม่ค่อยลงรอยจากเรื่องการแบ่งปันอำนาจไม่เสมอภาค ว่ากันว่าผู้นำได้แต่แบ่งปันอำนาจให้เฉพาะเครือญาติ ประกอบกับกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง ถูกกดดันให้แปรสภาพเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ซึ่งผู้บริหารระดับสูงบางส่วนเห็นควรยอมรับข้อเสนอของรัฐบาลทหารพม่า ขณะที่ เผิง จาเซิง ยืนกรานเสียงแข็งไม่รับไม่เอา เผิง จาเซิง ดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าผู้เอียงข้างรัฐบาลทหารพม่านี้มากนัก และแล้วเขาได้ทำการปลด ป๋าย โส่วเฉิน ซึ่งมีตำแหน่งรองผู้นำเขตปกครองพิเศษที่ 1 ของเขา พร้อมด้วยคณะกรรมการระดับสูงอีก 4–5 คน ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีความเห็นแตกต่างและแสดงท่าทีอ่อนข้อต่อรัฐบาลทหารพม่ามากเกินไป ขณะที่ฝ่ายที่ถูกปลดเมื่อเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งที่ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกันมายาวนาน ก็หันไปสวามิภักดิ์กับรัฐบาลทหารพม่า เมื่อ ป๋าย โส่วเฉิน รองประธานเขตปกครองพิเศษที่ 1 และพวก หันไปสนับสนุนรัฐบาลทหารและต่อต้าน เผิง จาเซิง และแจ้งต่อรัฐบาลทหารว่า เผิง จาเซิง มีโรงงานผลิตอาวุธและยาเสพติด วันที่ 8 สิงหาคม 2009 ความตึงเครียดระหว่างกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้างและรัฐบาลทหารเพิ่มสูงขึ้นอีก เมื่อ พลตรี อ่อง ตาน ทุต (Major General Aung Than Thut) แม่ทัพน้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (กองบัญชาการอยู่ที่เมืองล่าเสี้ยว รัฐฉานตอนเหนือ) นำกำลังกว่า 100 นายเข้าไปในเขตปกครองพิเศษที่ 1 เพื่อตรวจค้นโรงงานผลิตอาวุธที่เชื่อว่าทำบังหน้าการผลิตยาเสพติด รวมทั้งบุกตรวจค้นบ้านของ เผิง จาเซิง ทำให้เกิดการประจันหน้ากันระหว่างกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ไม่มีการสู้รบกัน ถึงกระนั้นประชาชนจำนวนมากอพยพเนื่องจากกลัวจะเกิดเหตุรุนแรง จนเจ้าหน้าที่ของจีนต้องเข้ามาแทรกแซง วันที่ 20 สิงหาคม 2009 กองทัพพม่าเริ่มรวมตัวกันที่เมืองหล่าวกาย เมืองเอกของเขตปกครองพิเศษที่ 1 วันที่ 22 สิงหาคม 2009 ได้ออกหมายเรียกผู้นำระดับสูงโกก้าง 4 คน รวมถึง เผิง จาเซิง แต่ก็ถูกปฏิเสธ วันที่ 24 สิงหาคม 2009 ได้ออกหมายจับพร้อมจัดส่งกำลังพลหน่วยต่าง ๆ ทั้งทหารราบ หน่วยเคลื่อนที่เร็ว หน่วยปืนใหญ่ รวมทั้งกลุ่มอาสาสมัครและตำรวจนับพันนาย เข้าประชิดเขตปกครองพิเศษที่ 1 โดยไม่เกิดการปะทะสู้รบ การเข้ายึดครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลือจากทหารโกก้างที่จงรักภักดีต่อกองทัพพม่า หลังกองทัพพม่าเคลื่อนกำลังพลเต็มอัตราศึกเข้าเขตปกครองพิเศษที่ 1 เพื่อกดดันจับกุมผู้นำให้ได้ ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง รู้ตัวดีว่ากำลังถูกคุกคามรุกรานจึงได้เรียกประชุมฉุกเฉิน เตรียมรับมือ พร้อมกับแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานอยู่ในความพร้อม ขณะเดียวกันได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่ายึดหลักสันติวิธี เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ วันที่ 25 สิงหาคม 2009 กองทัพพม่าได้แต่งตั้งฝ่ายที่ไม่ภักดีต่อ เผิง จาเซิง ผู้นำสูงสุดกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง รวม 11 คน เป็นคณะกรรมการบริหารเขตปกครองพิเศษที่ 1 โกก้างชั่วคราว และเช้าวันที่ 26 สิงหาคม 2009 ร่วมกันเข้ายึดเมืองหล่าวกาย ทำให้กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง ซึ่งมีกำลังพลพร้อมรบราว 1,000 นาย ที่กระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ ต้องยอมสละถอนกำลังออกอยู่รอบนอกเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 27 สิงหาคม 2009 กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง ได้เริ่มเปิดฉากสู้รบกับกองทัพพม่านอกเมืองและลุกลามหลายจุดทั้งด้านเมืองชินฉ่วยเหอ ติดชายแดนจีน และโดยรอบเมืองหล่าวกาย ยังผลให้ทั้งสองฝ่ายต่างสูญเสียไม่แพ้กัน ในขณะที่กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง มีแนวโน้มจะพ่ายแพ้ กองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ยังคงสู้รบ และต่อมา วันที่ 28 สิงหาคม 2009 กองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ถอนตัวออก วันที่ 29 สิงหาคม 2009 ทหารโกก้างราว 700 นาย ได้ข้ามพรมแดนและมอบตัวกับทางการจีน รัฐบาลพม่าได้ประกาศว่าการสู้รบสิ้นสุดลง วันที่ 30 สิงหาคม 2009 และมีการจัดตั้งคณะกรรมการผู้นำเฉพาะกาลเขตปกครองพิเศษที่ 1 โกก้างขึ้นใหม่ ป๋าย โส่วเฉิน ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานเขตปกครองพิเศษที่ 1 โกก้างคนใหม่ แทนที่ เผิง จาเซิง ที่ถูกรัฐบาลออกหมายจับจนต้องหลบหนี ป๋าย โส่วเฉิน ที่สนับสนุนกองทัพพม่าได้เป็นผู้นำคนใหม่ ประกาศว่า ชาวโกก้างจะเข้าร่วมในการเลือกตั้งปี 2010 ทหารโกก้างที่ภักดีกับ ป๋าย โส่วเฉิน กลายเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดนที่ 1006 โดยกลุ่มหยาง ซาวข่าย [เขตปกครองพิเศษที่ 1 ได้ถูกจัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2008 ให้พื้นที่แขวงหล่าวกาย ประกอบด้วย 2 เขตเมือง ได้แก่ เขตเมืองหล่าวกาย เขตเมืองกุงจ้าง และ 2 กิ่งเขตเมือง ได้แก่ กิ่งเขตเมืองหม่อไถ้ และกิ่งเขตเมืองซินฉ่วยห่อ ให้เป็น พื้นที่ปกครองตนเองโกก้าง (Kokang Self-Administered Zone) โดยชื่ออย่างเป็นทางการได้ประกาศเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2010 เป็นเขตปกครองตนเองของจีนโกก้าง] ศึกครั้งนี้ไม่ยึดเยื้อและจบลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกองทัพพม่าได้วางแผนมาอย่างรัดกุมและได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่แยกตัวออกจากกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง สามารถควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญได้เกือบทั้งหมด ส่วนกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือ กองกำลังโกก้าง ที่เหลือยังคงต่อต้านกองทัพพม่าด้วยการใช้ยุทธวิธีซุ่มโจมตี ภายใต้การนำของ เผิง ต้าซุน (Pheung Daxun) บุตรชายของ เผิง จาเซิง [เผิง จาเซิง เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคชราในวัย 94 ปี ที่บ้านพักที่เมืองลา ในเขตปกครองพิเศษที่ 4 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2022] ต่อมา เผิง ต้าซุน ได้จัดตั้งองค์กรทางการเมือง ชื่อว่า พรรคเพื่อความจริงและความยุติธรรมแห่งชาติเมียนมา (Myanmar National Truth and Justice Party: MNTJP) นำ กองทัพสัมพันธมิตรชาติประชาธิปไตยเมียนมา (MNDAA) มีกำลังเคลื่อนไหวอยู่บริเวณชายแดนพม่า-จีน สู้รบกับกองทัพพม่าจนปัจจุบัน






แสดงความคิดเห็น
0 ความคิดเห็น