อังกฤษสร้างเรื่องเท็จสร้างรอยร้าวเพื่อครอบครองรัฐฉาน

เขมรัฐตุงคบุรีหรือนครเขมรัฐ ในช่วงที่เจริญรุ่งเรือง ตุงคบุรี เป็นชื่อเรียกโดยย่อ ๆ ก่อนที่จะมาเป็นเมืองเชียงตุง(ชื่อสามัญ) เป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองเทียบเท่าเมืองเชียงใหม่แห่งล้านนา ในอดีตเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางการค้าเชื่อมต่อระหว่างสิบสองปันนากับล้านนา โดยมีพ่อค้าชาวจีนฮ่อเดินทางไปมาค้าขายในเส้นทางนี้ มีกำแพงล้อมรอบ ความยาวของกำแพงนั้นคาดว่ายาวพอๆกับกำแพงในเมืองเชียงใหม่ แต่กำแพงเมืองเชียงตุงนั้นสูงใหญ่กว่า มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ากำแพงเมืองเชียงตุงมีความยาวมาก คือครั้งเมื่อกองทัพในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งมีกำลังพลนับหมื่นคน แต่ก็มิสามารถล้อมได้หมด เนื่องจากกำแพงนั้นใหญ่มาก โดยเฉพาะทางทิศเหนือ ซึ่งในสมัยนั้น ต้องตั้งค่ายทางทิศนี้ถึง 12 ค่าย
ในสมัยการล่าอาณานิคม เจ้าฟ้าหลวงเจ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลง หรือ เจ้าอินแถลง ซึ่งร่วมสมัยกับรัชกาลที่ 5 ของสยาม พระองค์ปกป้องเมืองเชียงตุงไม่ให้กลายเป็นเมืองอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษ แต่หลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์ เมืองเชียงตุงก็ตกไปอยู่ภายใต้อำนาจของอังกฤษ ในสมัยช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลไทย สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ส่งกำลังทหารเข้ายึดเมืองเชียงตุง และ เมืองพาน จากอังกฤษโดยมีความช่วยเหลือจากญี่ปุ่น โดยมีข้ออ้างว่ามีประวัติและเชื้อชาติที่เหมือนกัน แต่ฝ่ายไทยก็มิได้ปกครองโดยตรง ญี่ปุ่นให้ผนวกเขตใต้ปกครองเมืองเชียงตุงและเมืองพานมารวมเข้ากับดินแดนไทย ให้จัดตั้งเป็น สหรัฐไทยเดิม แต่ก็อยู่ได้เพียงแค่ 3 ปี ก็ต้องคืนกลับให้แก่อังกฤษเหมือนเดิม เพราะว่าญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงคราม ปัจจุบันเมืองเชียงตุงจึงเป็นส่วนหนึ่งพม่า
เมื่อปี 1920 เจ้าพรหมลือได้มาพบรักกันกับเจ้าทิพวรรณ ซึ่งเป็นหลานสาวมหาอำมาตย์โท พล.ต. เจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิต เจ้าผู้ครองนครลำปาง องค์ที่ 13 ที่นครลำปาง โดยฝ่ายชายมาจากเชียงตุง แต่ตอนนั้นรัชกาลที่ 6 ไม่ยอมให้สมรสกัน เพราะเกรงอังกฤษจะคิดว่าสยามอยากได้เชียงตุงโดยผ่านทางการแต่งดองกันของเจ้าฟ้าทั้งสองฝ่าย ในปี 1922 หลังจากที่สมรสแล้วเจ้าพรหมลือได้พาเจ้าทิพวรรณจากลำปางซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของสยามมาอยู่ที่เชียงตุงด้วย
ถัดมาในปี 1923 เป็นการหักหน้าหยามพระเกียรติเจ้าพรหมลือเป็นอย่างมาก เมื่ออังกฤษได้แทรกแซงราชประเพณีเรื่องการแต่งตั้งเจ้าแกมเมืองหรือองค์รัชทายาท โดยได้แต่งตั้งให้ เจ้ากองไต ขึ้นเป็นเจ้าแกมเมือง การแต่งตั้งครั้งนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยแก่ประชาชนทั่วไป ข้อสังเกต เป็นเพราะฝ่ายอังกฤษกลัวว่าจะเป็นแผนของสยามในการแต่งดองกันเพื่อรักษาดินแดนที่แสดงถึงการเป็นเครือญาติกัน ดังนั้น อังกฤษจึงพยายามขจัด เจ้าพรหมลือ ไม่ให้เป็นเจ้าฟ้าหลวงองค์ต่อไปของเชียงตุง
ในปี 1936 เจ้าฟ้าหลวงเจ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงสิ้นพระชนม์ชีพ ถึงมาเดือนมกราคมปี 1937 อังกฤษได้แทรกแซงการแต่งตั้งเจ้าฟ้าหลวงองค์ใหม่ โดยแต่งตั้ง เจ้ากองไต ซึ่งเป็นโอรสของเจ้าฟ้าหลวงเจ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงกับเจ้านางจามฟอง ที่มีฐานะเดิมเป็นสามัญชน ขึ้นเป็น เจ้าฟ้าหลวงองค์ใหม่สืบบัลลังก์ต่อจากเจ้าฟ้าหลวงเจ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงที่สิ้นพระชนม์ชีพ ทั้งๆที่ควรจะเป็น เจ้าพรหมลือ ซึ่งเป็นโอรสเจ้าฟ้าหลวงเจ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงกับเจ้าแม่ปทุมามหาเทวี ราชธิดาเจ้าฟ้าเมืองสิงห์ ซึ่งมีตำแหน่งมหาเทวี เจ้าพรหมลือจึงมีศักดิ์สูงกว่า ต่อมาในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน เจ้ากองไต เจ้าฟ้าหลวงองค์ใหม่ ได้ถูกลอบปลงพระชนม์ เมื่อกลับจากงานเทศกาลวันออกพรรษา
จับตัวฆาตกรได้ คือ เจ้าสีหะ ในเบื้องต้นได้ซัดทอดคนสนิทเจ้าพรหมลือ จนมีเสียงร่ำลือว่าเจ้าพรหมลือมีส่วนในการจ้างวานผู้อื่นลอบปลงพระชนม์เจ้ากองไต เจ้าฟ้าหลวงองค์ใหม่ เพราะต้องการแก้แค้นที่ถูกแย่งราชสมบัติ ฝ่ายเจ้าพรหมลือจึงจ้างทนายความพม่ามาเพื่อแก้ต่างในคดีนี้จนเสียเงินว่าจ้างเป็นจำนวนมาก ในที่สุดก็พ้นข้อกล่าวหามาได้ และชาวเชียงตุงส่วนใหญ่ก็ไม่ปักใจเชื่อว่าเจ้าพรหมลือจะมีส่วนในคดีนี้ เพราะเห็นว่าทั้งสองนั้นรักใคร่สนิทสนมกันมาก ขณะที่ข้าหลวงอังกฤษยังคงเชื่อมั่นว่าเจ้าพรหมลือต้องมีส่วนในกรณีลอบปลงพระชนม์เจ้ากองไต เจ้าฟ้าหลวงองค์ใหม่ เมื่อไม่มีหลักฐานมัดตัวเจ้าพรหมลือ จึงได้ทำการปล่อยตัวเจ้าพรหมลือ ส่วนเจ้าสีหะได้รับโทษเพียงจำคุกตลอดชีวิต
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อกองทัพพายัพของไทย โดย จอมพล ผิน ชุณหะวัณ (รัฐบาลไทยเข้าข้างญี่ปุ่น) บุกเข้าเชียงตุงได้ ตามนโยบายสหรัฐไทยเดิม ในหนังสือกองทัพไทยได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ในปี 1943 ( ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 8) ทางกรุงเทพฯได้แต่งตั้งให้เจ้าพรหมลือเป็นเจ้าฟ้าหลวงเชียงตุง และให้เจ้าพรหมลือและเจ้าบุญวาทย์วงศาเป็นที่ปรึกษาของข้าหลวงทหารฝ่ายไทย
ต่อมาเมื่อหลังแพ้สงคราม กองทัพพายัพไทยถอยออกมาจากเชียงตุงและคืนดินแดนเชียงตุงให้แก่อังกฤษ ในปี 1946 เจ้าพรหมลือและครอบครัวจึงได้อพยพเข้ามาเมืองไทย ได้รับการอำนวยความสะดวกจากครอบครัวของจอมพล ผิน ชุณหะวัณ และเมื่อมาอยู่ที่เชียงใหม่แล้วได้รับพระราชทานนามสกุลว่า "ณ เชียงตุง" สืบมาและพิราลัยในปี 1955
สาเหตุที่อังกฤษไม่ค่อยชอบเจ้าพรหมลือนั้นน่าจะมีชนวนมานานแล้ว ทั้งผลประโยชน์ในการค้า ซึ่งมีธุรกิจค้าฝิ่นเข้ามาเกี่ยวข้อง การสมรสกับเจ้าหญิงชาวไทย กรณีฆาตกรรมเจ้ากองไตเจ้าฟ้าหลวง และกรณีสุดท้ายที่มีใจฝักใฝ่ฝ่ายไทยยิ่งทวีความไม่ชอบเข้าไปอีก ย้อนรอยคดีลอบปลงพระชนม์เจ้ากองไตเจ้าฟ้าหลวง มีข้อสงสัยอยู่หลายประเด็น อาจจะมีผู้อยู่เบื้องหลังในการลอบปลงพระชนม์ครั้งนี้ แล้วโยนบาปให้กับ เจ้าพรหมลือ ให้เป็นที่กล่าวหาว่าพี่น้องเจ้าปลงพระชนม์กันเอง เพื่อให้เกิดรอยร้าวภายในรัฐฉาน และเกิดสงครามภายใน เกิดการแย่งชิงตำแหน่งเจ้าฟ้าหลวง เรื่องทำนองนี้อังกฤษเคยทำมาแล้วในอินเดีย เพื่ออังกฤษจะได้ปกครองอาณานิคมได้อย่างราบรื่น เพราะตราบใดที่อาณานิคมไม่สามัคคีกัน อังกฤษก็สามาถปกครองได้ง่ายและยาวนานตลอดไป และคนใต้อาณัติหรือผู้ที่ฝักใฝ่อังกฤษก็จะได้ประโยชน์ในรัฐฉาน เมื่อกีดกันอิทธิพลของไทยออกจากดินแดนได้.

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น