ทําไมจึงต้องใช้ชื่อ “ปางหลวง”
ข้อตกลงปางหลวงในปี 1947 ถูกชนกลุ่มน้อยส่วนหนึ่งมองว่าเป็นกลลวงของนายพลอองซานมากกว่าที่จะเป็นข้อตกลงที่จะนำทางไปสู่การอยู่ร่วมกันโดยสันติสุข แม้ในข้อตกลงปางหลวง มิได้ระบุไว้อย่างชัดเจนถึง “สหพันธรัฐ” แต่ในข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับรัฐฉานและรัฐคะฉิ่นทำให้เข้าใจได้ว่า การรวมอยู่กับพม่าจะเป็นการรวมในลักษณะที่เป็นสหพันธรัฐ เพราะแต่ละรัฐมีอำนาจในการปกครองตนเองสูงมาก และรัฐธรรมนูญฉบับแรกยังได้กล่าวถึงสิทธิพิเศษให้แก่รัฐฉานและรัฐคะฉิ่นมีสิทธิในการแยกตัวออกจากสหภาพฯหากต้องการหลังได้รับเอกราชไปแล้ว 10 ปี แต่แล้วเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ความแตกแยกในรัฐบาลสหภาพฯขณะนั้น ทำให้นายกรัฐมนตรี อูนุ ต้องเชิญนายพลเนวิน ผู้บัญชาการทหาร เข้ามาควบคุมสถานการณ์ แต่อุดมการณ์ฝ่ายกองทัพนั้นสนับสนุน “สหภาพ” คำว่า สหภาพ หรือ Union นี้ หากแปลเป็นไทยให้ตรงกับความหมายภาษาอังกฤษ ก็คือ “สหเอกภาพ” คือ การรวมหน่วยย่อยต่างๆ ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่ไม่อาจแยกกลับไปได้อีก ดังนี้ “Union Spirit หรือ จิตวิญญาณแห่งสหภาพ” คือการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขภายในสหภาพฯภายใต้การนำของชาวพม่าจึงได้ถือกำเนิดขึ้น และกองทัพจึงถือเป็นเหตุที่จะเข้าไปแทรกแซงการบริหารในรัฐต่างๆ ได้เท่ากับในเขตพม่าแท้ แนวคิดเรื่องสหพันธรัฐจึงกลายเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัว และเมื่อชนกลุ่มน้อยทวงถามสิทธิของตัวเองมากเข้า สถานการณ์จึงตึงเครียดขึ้นและแปรเปลี่ยนเป็นสงครามกลางเมืองที่ชนกลุ่มน้อยต่างจัดตั้งกองกำลังของตน ลุกขึ้นมาจับอาวุธเพื่อทวงสิทธิ เพลิงสงครามจึงลุกลามไปทั่วทุกภูมิภาคบนแผ่นดินสหภาพฯ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คำว่า สัญญาสันติภาพ (เญ็งชานเย) สัญญาหยุดยิง (อะปิ๊ดอะคัดแย๊ดแซเย) เป็นสิ่งที่ชนกลุ่มน้อยทั้งหลายไม่พอใจมาโดยตลอด เพราะกองทัพพม่าได้แต่เสนอสันติภาพ ได้แต่เสนอหยุดยิง แต่ไม่มีการเจรจาทางการเมืองอะไรหลังจากลงนามอีกเลย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนอกจากเลิกยิงกัน แต่เหตุแห่งความไม่พอใจก็ยังดำรงอยู่ ในช่วงเวลาที่สหภาพฯกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย ประธานาธิบดี เต็งเส่ง ให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องนี้ การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ หรือ Nationwide Ceasefire Agreement : NCA นับเป็นการเปิดพื้นที่ใหม่กับชนกลุ่มน้อย และนับเป็นจุดเริ่มต้นของการยุติสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อยาวนานมากว่า 60 ปี รัฐบาล NLD ซึ่งนำโดย นางอองซาน ซูจี สานต่อเข้าสู่กระบวนการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อวางแนวทางทางการเมืองและกรอบการทำงานก่อนที่จะนำไปสู่การกำหนดข้อตกลงที่ชัดเจนภายใต้ชื่อ The Union Peace Conference- 21st Century Panglong หรือ Panglong Spirit ที่ตอบสนองต่อชนกลุ่มน้อยต่างๆ ที่ใฝ่ฝันจะรวมอยู่กับพม่าในฐานะรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐมากกว่า ในขณะเดียวกันก็ทำให้กองทัพพม่าเห็นว่า แนวคิดเรื่องสหพันธรัฐไม่ได้ทำให้รัฐพม่าล่มสลายลง และข้อตกลงปางหลวงเป็นข้อตกลงว่าด้วยการเมืองมิใช่ว่าด้วยการหยุดยิง ฉะนั้น การใช้ชื่อ การประชุมสันติภาพปางหลวงแห่งศตวรรษที่ 21 หรือ จิตวิญญาณแห่งปางโหลง จึงสื่อบอกเป็นนัยยะว่า รัฐบาลพร้อมจะแสวงหาสันติภาพบนเส้นทางที่มีการตกลงกันในเรื่องอื่นๆ ด้วยนอกจากเรื่องการทหาร และเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาที่รวมเอาทุกมิติของความขัดแย้งขึ้นมาบนโต๊ะเจรจา ซึ่งโดยตัวของมันเองหาได้ขัดแย้งกับ “หลัก 6 ประการ” ที่กองทัพตั้งเป็นเงื่อนไขของการเจรจาแต่อย่างใด ดังนั้น นางอองซาน ซูจี จึงกล่าวว่า การประชุมนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะสร้างความไว้วางใจระหว่างกันขึ้นเท่านั้น คงต้องทำงานและประชุมกันอีกหลายครั้ง
แสดงความคิดเห็น
0 ความคิดเห็น